หัวข้อสำคัญ

บทความที่เกี่ยวข้อง

9 เรื่องน่ารู้ ตลาดน้ำคลองลัดมะยม อยู่ที่ไหน เที่ยวง่าย เที่ยวเพลิน เดินเล่นได้ทั้งวัน

ตลาดน้ำคลองลัดมะยม อยู่ที่ไหน ไปเที่ยวตลาดน้ำคลองลัดมะยม เปิด-ปิดวันไหน มีอะไรน่าสนใจ ของกินเยอะไหม เดินทางอย่างไรในกรณีไม่มีรถยนต์ส่วนตัว มาดูทางนี้ เรามีคำตอบ ใครว่ากรุงเทพฯ ไม่มีตลาดน้ำดี ๆ ให้เดินเล่นชิล ๆ วันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับตลาดน้ำคลองลัดมะยม

Read More »

เที่ยวกรุงเทพ 1 วัน ตลาดน้ำตลิ่งชัน รีวิว มีแต่ของอร่อย ชิลไป One Day Trip

ตลาดน้ำตลิ่งชัน รีวิว อีกหนึ่ง ตลาดน้ำในกรุงเทพ ที่มีแต่ของอร่อย ที่อยากแนะนำให้ลองมาเที่ยวใน วันหยุดเสาร์-อาทิตย์นี้ก็คือ ตลาดน้ำตลิ่งชัน เที่ยวกรุงเทพ 1 วัน กันไปเลยค่ะ นอกจากจะอยู่ไม่ไกล เดินทางสะดวกแล้ว ที่นี่ยังอุดมไปด้วยของกินมากมาย

Read More »

ชวนเช็กลิสต์ที่กิน ที่เที่ยว เสาชิงช้า กรุงเทพ ย่านเก่าแก่ของกรุงเทพฯ

เสาชิงช้า กรุงเทพ เที่ยวเสาชิงช้า กรุงเทพฯ ชวนไปเดินลัดเลาะชมที่เที่ยวสวย ๆ และหาของกินหลากหลาย ทั้งอิ่มท้องและอิ่มใจแบบครบรส เสาชิงช้า สถานที่ท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ ย่านเมืองเก่าที่มีประวัติศาสตร์สำคัญ อีกทั้งยังรายล้อมไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่มากมาย จึงได้รับความนิยมทั้งนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ

Read More »

ภูเขาทอง วัดสระเกศ

ภูเขาทอง วัดสระเกศ วัดสระเกศ เป็นพระอารามหลวงชั้นโท ชนิดราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ริมคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย มีจุดเด่นคือ พระบรมบรรพต

ประวัติ ภูเขาทอง วัดสระเกศ

ภูเขาทอง วัดสระเกศ วัดสระเกศ เสาชิงช้า กรุงเทพ เป็นวัดโบราณในสมัยกรุงศรีอยุธยา เดิมชื่อวัดสะแก พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้ปฏิสังขรณ์และขุดคลองรอบพระอาราม แล้วพระราชทานนามใหม่ว่า วัดสระเกศ ซึ่งแปลว่า ชำระพระเกศา เนื่องจากเคยประทับทำพิธีพระกระยาสนาน เมื่อเสด็จกรีธาทัพกลับจากกัมพูชามาปราบจลาจลในกรุงธนบุรี และเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติใน พ.ศ. 2325 มูลเหตุที่พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชพระราชทานเปลี่ยนชื่อวัดสะแก ภูเขาทอง วัดสระเกศ เป็นวัดสระเกศนี้ มีหลักฐานที่ควรอ้างถึงคือ พระราชวิจารณ์ในพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เรื่องจดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนรินทรเทวีข้อ 11 ว่า”รับสั่งพระโองการ ตรัสวัดสะแกเรียกวัดสระเกศแล้วบูรณปฏิสังขรณ์ เห็นควร ที่ต้นทางเสด็จพระนคร”ทรงพระราชวิจารณ์ไว้ว่า”ปฏิสังขรณ์วัดสะแกและเปลี่ยน ชื่อเป็น วัดสระเกศเอามากล่าวปนกับวัดโพธิ์เพราะเป็นต้นทางที่เสด็จเข้ามาพระนครมีคำ เล่า ๆ กันว่า เสด็จเข้าโขลนทวารสรงพระมุธาภิเษกตามประเพณีกลับจากทางไกลที่ วัดสะแก จึงเปลี่ยนนามว่า “วัดสระเกศ” หอศิลป์กรุงเทพ BACC

ในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะและสร้างพระบรมบรรพตหรือภูเขาทอง ทรงกำหนดให้เป็นพระปรางค์มีฐานย่อมุมไม้สิบสอง แต่สร้างไม่สำเร็จในรัชกาล ตลาดน้ำคลองลัดมะยม อยู่ที่ไหน เมื่อถึงสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงให้เปลี่ยนแบบเป็นภูเขาก่อพระเจดีย์ไว้บนยอด เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ การก่อสร้างแล้วเสร็จในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้รับพระราชทานนามว่า “สุวรรณบรรพต” มีความสูง 77 เมตร บนยอดสุวรรณบรรพตเป็นที่ตั้งของพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ขุดค้นพบที่เมืองกบิลพัสดุ์ และพิสูจน์ได้ว่าเป็นของพระสมณโคดมซึ่งเป็นส่วนแบ่งของพระราชวงศ์ศากยราชเพราะมีคำจารึกอยู่

พระอุโบสถ

ตั้งอยู่ด้านหน้าวัด มีพระระเบียงรอบพระอุโบสถ มีพระเจดีย์รายรอบ ภายในพระระเบียงมีพระพุทธรูปประดิษฐานเรียงกันอยู่เต็มพระระเบียงทั้ง 4 ด้าน มีจำนวนทั้งหมด 163 องค์ ประดิษฐานมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ภายในพระอุโบสถ เป็นที่ประดิษฐานพระประธานปางสมาธิ ซึ่งเป็นพระปั้นปิดทองปางสมาธิที่ใหญ่โต พร้อมด้วยความงามสมพุทธลักษณะองค์หนึ่งในกรุงเทพมหานคร เดิมไม่มีพระนาม ต่อมาในปีพ.ศ. 2565 เนื่องในวาระสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ 240 ปี จึงได้รับพระราชทานนามว่า วัด สระ เกศ ภูเขาทอง “พระพุทธมงคลชินสีห์วชิรมุนี” เล่ากันมาว่าเป็นการปั้นหุ้มพระประธานองค์เดิมของวัดซึ่งดูเล็กเกินไปไม่สมกับความใหญ่โตของพระอุโบสถ ภาพจิตรกรรมฝาผนังที่เขียนครั้งแรกในสมัยรัชกาลที่ 3 แล้วมาทำการปฏิสังขรณ์เขียนใหม่ในสมัยรัชกาลที่ 7 ที่ฝาผนังด้านใน สองด้านเบื้องล่างเป็นภาพทศชาติ ด้านบนเป็นภาพเทวดาและท้าวจตุโลกบาล ด้านหน้าเป็นภาพมารวิชัย ส่วนด้านหลังพระประธานเป็นภาพไตรภูมิ คือสวรรค์ มนุษย์ และนรก

แร้งวัดสระเกศ

รูปปั้นแร้งวัดสระเกศเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์โรคห่าระบาดเมื่อต้นกรุงรัตนโกสินทร์ สวนรถไฟ

เมรุปูนวัดสระเกศในสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พ.ศ. 2363 เกิดโรคห่า (อหิวาตกโรค) ระบาดอย่างหนัก ในกรุงเทพมหานคร ขณะนั้น ยังไม่มีวิธีรักษา และรู้จักการป้องกัน พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยจึงทรงใช้วิธีให้กำลังใจ โปรดฯ ให้ตั้งพิธีขับไล่โรคนี้ขึ้น เรียกว่า “พิธีอาพาธพินาศ” โดยจัดขึ้นที่พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท มีการยิงปืนใหญ่รอบพระนครตลอดคืน อัญเชิญพระแก้วมรกต และพระบรมสารีริกธาตุออกแห่ มีพระราชาคณะโปรยพระพุทธมนต์ตลอดทาง ทรงทำบุญเลี้ยงพระ โปรดให้ปล่อยปลาปล่อยสัตว์ และประกาศไม่ให้ประชาชนฆ่าสัตว์ตัดชีวิต อยู่กันแต่ในบ้าน แร้ง วัด สระ เกศ กระนั้นก็ยังมีคนตายเพราะอหิวาตกโรคประมาณ 3 หมื่นคน  ศพกองอยู่ตามวัดเป็นภูเขาเลากา เพราะฝังและเผาไม่ทัน บ้างก็แอบเอาศพทิ้งลงในแม่น้ำลำคลองในเวลากลางคืน จึงมีศพลอยเกลื่อนกลาดไปหมด ประชาชนต่างอพยพหนีออกไปจากเมืองด้วยความกลัว พระสงฆ์ทิ้งวัด งานของราชการ และธุรกิจทั้งหลายต้องหยุดชะงัก เพราะผู้คนถ้าไม่หนีไปก็มีภาระในการดูแลคนป่วย และจัดการกับศพของญาติมิตร ในเวลานั้น วัดสระเกศ เป็นศูนย์รวมของแร้งจำนวนนับพัน

โรคห่าเวียนมาในทุกฤดูแล้งและหายไปในฤดูฝนเช่นนี้ทุกปี ตลาดน้ำตลิ่งชัน รีวิว จะในปี พ.ศ. 2392 อหิวาต์ก็ระบาดหนักอีกครั้งหนึ่ง ครั้งนี้ เกิดขึ้นที่ปีนังก่อน แล้วแพร่ระบาดมาจนถึงกรุงเทพฯ เรียกกันว่า “ห่าลงปีระกา” ในระยะเวลาช่วง 1 เดือน ที่เริ่มระบาดมีผู้เสียชีวิตถึง 15,000 – 20,000 คน และตลอดฤดู ตายถึง 40,000 คน เจ้าฟ้ามงกุฏฯ คือ รัชกาลที่ 4 ซึ่งขณะนั้นดำรงเพศบรรพชิต เป็นพระราชาคณะ ได้ทรงบัญชาให้วัดสามวัด คือ วัดสระเกศ วัดบางลำพู (วัดสังเวชวิศยาราม) และวัดตีนเลน (วัดเชิงเลน หรือวัดบพิตรพิมุข) เป็นสถานที่สำหรับเผาศพ มีศพที่นำมาเผาสูงสุด ถึงวันละ 696 ศพ แต่กระนั้น ศพที่เผาไม่ทัน ภูเขาทอง กรุงเทพ ก็ถูกกองสุมกันอยู่ตามวัด โดยเฉพาะวัดสระเกศ มีศพส่งไปไว้มากที่สุด ทำให้ฝูงแร้งแห่งไปลงทึ้งกินซากศพ ตามลานวัด บนต้นไม้ บนกำแพง และหลังคากุฏิเต็มไปด้วยแร้ง แม้เจ้าหน้าที่จะถือไม้คอยไล่ก็ไม่อาจกั้นฝูงแร้ง ที่จ้องเข้ามารุมทึ้งซากศพอย่างหิวกระจายได้ และจิกกินซากศพ จนเห็นกระดูกขาวโพลน พฤติกรรมของ “แร้งวัดสระเกศ” ที่น่าสยดสยองจึงเป็นที่กล่าวขวัญกันไปทั่ว ภูเขาทอง วัดสระเกศ